ผู้เชี่ยวชาญคนที่ 1
นายคมสัน โพธิ์สุขา (ลุงใหญ่)
ดิฉันได้เดินทางไปถึงสุพรรณบุรีที่รอบๆหรือข้างๆระหว่างทางที่
ดิฉันกำลังเดินทางมีแต่ทุ่งนาและแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์และเป็นจังหวัดหนึ่งที่น่าอยู่มากๆ
และเมื่อดิฉันไปถึงดิฉันก็ถ่ายรูปและเดินชมรอบๆบ่อกุ้ง
ดิฉันกำลังเดินทางมีแต่ทุ่งนาและแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์และเป็นจังหวัดหนึ่งที่น่าอยู่มากๆ
และเมื่อดิฉันไปถึงดิฉันก็ถ่ายรูปและเดินชมรอบๆบ่อกุ้ง
และได้เดินทางไปสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญคนที่ 1 คือ ลุงใหญ่(นายคมสัน โพธิ์สุขา)
ที่มีประสบการณ์ในการเลี้ยงกุ้งถึง 20 ปี
ลุงใหญ่เล่าว่าแต่ก่อนสุพรรณบุรีเป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณ์มาก การเลี้ยงกุ้งก็ง่าย
และตอนที่ลุงใหญ่เลี้ยงกุ้งแรกๆต้นทุนถูกมาก กิโลละแค่ 100 บาท แต่ปัจจุบันมีการพัฒนา
และมีการขยายของเศรษฐกิจจึงทำให้คนนิยมกินกุ้งมาก ตัวผู้ตกกิโลละ 400 กว่าบาท
ส่วนตัวเมียประมาณ 200 กว่าบาท
และตอนที่ลุงใหญ่เลี้ยงกุ้งแรกๆต้นทุนถูกมาก กิโลละแค่ 100 บาท แต่ปัจจุบันมีการพัฒนา
และมีการขยายของเศรษฐกิจจึงทำให้คนนิยมกินกุ้งมาก ตัวผู้ตกกิโลละ 400 กว่าบาท
ส่วนตัวเมียประมาณ 200 กว่าบาท
ตัวผู้จะมีหัวและก้ามโตกว่าตัวเมียมาก
จึงเรียกกุ้งตัวผู้ว่า กุ้งก้ามกราม
และเรียกกุ้งตัวเมียว่า กุ้งนาง
นอกจากนี้
ตัวผู้ยังมีช่องท้องแคบกว่าตัวเมีย
ทั้งนี้เพราะตัวเมียใช้ช่องท้องเป็นที่เก็บไข่ก่อนผักออกเป็นตัว
วิธีดูเพศที่แน่นอนอีกวิธีหนึ่ง คือ
ถ้าเป็นตัวผู้จะมีรูปล่อยน้ำเชื้อ ๑ คู่
และที่ขาว่ายน้ำคู่ที่สองมีติ่งเล็ก ๆ
ยื่นออกมาคู่กับรยางค์ด้านในส่วนตัวเมียไม่มี
และการจับกุ้งต่อรุ่นหนึ่งหรือ 45 วัน ได้กำไรทีหนึ่งก็หลายแสนบาท
ส่วนต้นทุนก็ประมาณ 50% เมื่อหักจากกำไร และตอนที่น้ำท่วมที่จังหวัดสุพรรณบุรี
ลุงใหญ่เล่าว่าเดือดร้อนมากๆ ใช้มุ้งเขียวกั้นไว้แต่ก็เอาไม่อยู่ มีหลุดออกไปบ้าง
ทำให้เศรษฐกิจแย่มาก จับกุ้งไม่ได้เลย น้ำท่วม 4 เดือน อายุของกุ้งก็ประมาณ 4 เดือน
ก็จับกินอย่างเดียว เพราะเอาไปขายไม่ได้ กุ้งมันก็จะกินอย่างเดียว
ส่วนต้นทุนก็ประมาณ 50% เมื่อหักจากกำไร และตอนที่น้ำท่วมที่จังหวัดสุพรรณบุรี
ลุงใหญ่เล่าว่าเดือดร้อนมากๆ ใช้มุ้งเขียวกั้นไว้แต่ก็เอาไม่อยู่ มีหลุดออกไปบ้าง
ทำให้เศรษฐกิจแย่มาก จับกุ้งไม่ได้เลย น้ำท่วม 4 เดือน อายุของกุ้งก็ประมาณ 4 เดือน
ก็จับกินอย่างเดียว เพราะเอาไปขายไม่ได้ กุ้งมันก็จะกินอย่างเดียว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น